Search This Blog

โบรกฯ มองงบบจ. Q2 ยังอ่อนแอ-SET เริ่มชะลอความแรง แนะเล่น 4 หุ้นเด่น - efinanceThai

banyakgayas.blogspot.com

   โบรกฯ มองงบบจ. Q2/63 ยังอ่อนแอจากโควิด แต่ยังได้กลุ่มพลังงานช่วย มองโอกาสขาดทุนสต็อกอย่าง Q1 เกิดได้ยาก ส่วนปี 64 คาดกำไรตลาดจะโต 24.6% เหตุฐานต่ำ แต่เตือนตลาดหุ้นจากนี้ไม่ร้อนแรงหลังพุ่งมาแล้ว 38% แนะเก็งกำไรแบบระมัดระวัง ให้หุ้นเด่น CPF- HREIT -  RATCH -  SAWAD
 
   บล.หยวนต้า เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์รายวัน ถึงภาพรวมตลาดหุ้นในช่วงไตรมาส 2/63 ว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ยังอ่อนแอจากการระบาดของไวรัสโควิด แต่ยังมีกลุ่มพลังงานช่วยประคอง ส่วนปี 2564 คาดกำไรตลาดจะโตถึง 24.6% จากฐานต่ำ

กำไรสุทธิรวม Q1/63 ลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง

   บริษัทจดทะเบียนใน SET รายงานกำไรสุทธิงวด Q1/63 เท่ากับ 1.09 แสนล้านบาท ลดลง 51.9% QoQ และ -59.6% YoY ผลประกอบการของหลายกลุ่มอุตสาหกรรมหดตัวอย่างมาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มหลัก คือ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ที่มีผลขาดทุนสุทธิ เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ คือ น้ำมันดิบ ตกต่ำรุนแรง ทำให้หลายบริษัทต้องบันทึกขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในระดับสูงมาก

    กลุ่มหลักอื่นที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ยังรวมถึงกลุ่มท่องเที่ยว, ขนส่ง, ค้าปลีก, โรงพยาบาล, ร้านอาหาร ฯลฯ การปรับลดประมาณการของ Consensus เกิดขึ้นต่อเนื่อง ทำให้คาดการณ์ EPS ของ SET ที่ลงมาเหลือแค่ 67.94 บาท/หุ้น แต่อัตราการปรับลดประมาณการเริ่มช้าลงเมื่อเทียบกับเมื่อเดือน มี.ค. และเดือน เม.ย. 

ผลการดำเนินงาน Q2/63 ยังอ่อนแอ  พลังงาน-ปิโตรเคมี ตัวแปรสำคัญ

   ผลประกอบการของหลายกลุ่มอุตสาหกรรมน่าจะพบจุดต่ำสุดใน Q2/63 เพราะเป็นช่วงเวลาที่มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดมีความเข้มข้นและยาวนานสุด ทั้งการปิดศูนย์การค้า, ร้านอาหารเปิดให้บริการ Delivery หรือซื้อกลับบ้านเท่านั้น, มาตรการจำกัดเวลาออกจากเคหสถานหรือ Curfew

   แต่ตัวแปรสำคัญคือ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี แม้ผลการดำเนินงานหลักน่าจะยังคงอ่อนแอตามอุปสงค์ต่อสินค้าโภคภัณฑ์และภาวะเศรษฐกิจโลก แต่ในแง่ของผลประกอบการสุทธิ มีแรงกดดันน้อยลงเพราะเราประเมินว่า การขาดทุนสต็อกเป็นมูลค่ามากเหมือนใน Q1/63 น่าจะไม่เกิดซ้ำและบางธุรกิจ เช่น โรงกลั่น และปิโตรเคมี จะเริ่มได้รับประโยชน์จากต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำลง

   ดังนั้น มีความเป็นไปได้ที่กำไรสุทธิรวมของบริษัทจดทะเบียนใน Q2/63 อาจจะดีขึ้นจาก Q1/63 หากกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี กลับมาบันทึกกำไรจากสต็อกหรือมีขาดทุนสต็อกลดลงเมื่อเทียบกับ Q1/63

เน้นเลือกหุ้นกำไรแข็งแกร่ง

   SET INDEX ไม่ได้ตอบสนองเชิงลบต่อผลประกอบการ Q1/63 แต่กลับฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง บนความคาดหวังว่า สถานการณ์โรค COVID-19 จะถึงจุดแย่สุดใน Q2/63 และภาครัฐจะเริ่มทยอยคลายมาตรการ Lockdown เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจค่อย ๆ กลับมา แต่การ Rebound ของ SET INDEX กว่า 38% จากจุดต่ำสุดช่วงกลางเดือน มี.ค. ถือว่า ฟื้นค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น หากอิงค่าเฉลี่ย EPS ระหว่างปี 2563 และ 2564 ที่ราว 76.3 บาท/หุ้น คำนวณ Forward P/E Ratio ได้ราว 17.5x ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 10 ปี+2SD

   บ่งชี้ว่า ราคาหุ้นสะท้อนความคาดหวังของการฟื้นตัวของผลประกอบการในอนาคตพอสมควรแล้ว ในเชิงกลยุทธ์  ยังคงแนะนำเก็งกำไรทางขึ้น แต่มีความระมัดระวังมากขึ้น โดยมีจุดตัดสินใจในการลดพอร์ต คือ 1,300 จุด หุ้นแนะนำ ได้แก่ CPF/ HREIT/ RATCH/ SAWAD

   ขณะที่ปัจจัยความเสี่ยง: ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน, ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมันดิบ, ความเสี่ยงของการแพร่ระบาดรอบสอง (Second Wave)

การปรับลดประมาณการของ Consensus เริ่มช้าลง
 
   หลังเสร็จสิ้นฤดูกาลรายงานผลประกอบการ Q1/63 พบว่า การปรับลดประมาณการของนักวิเคราะห์ใน Bloomberg Consensus ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้คาดการณ์กำไรต่อหุ้นหรือ EPS ของ SET ลดลงมาเหลือต่ำเพียง 67.94 บาท/หุ้น หรือถูกปรับลดลงถึง 33% จากคาดการณ์ช่วงต้นปีนี้ที่ราว 102 บาท/หุ้น อย่างไรก็ดี อัตราการปรับลดประมาณเริ่มชะลอตัวลง

   กล่าวคือ ในเดือน มี.ค. ซึ่งเริ่มเห็นผลกระทบของโรค COVID-19 ในไทยและเริ่มมีการใช้มาตรการ Lockdown ประมาณการกำไรตลาดถูกปรับลดลงถึง 13% MoM ต่อมาในเดือน เม.ย. EPS ยังคงถูกปรับลงต่ออีก 10% MoM แต่เดือน พ.ค. เมื่อมีการประกาศงบ Q1/63 ของกลุ่ม Real Sector และเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ปรากฏว่า กำไรตลาดถูกปรับลงเพียง 7.5% MoM 

   สำหรับแนวโน้มปี 2564 นักวิเคราะห์ใน Bloomberg Consensus เชื่อว่า กำไรตลาดจะเติบโตถึง 24.6% YoY จากฐานต่ำ เป็น 84.67 บาท/หุ้น เข้าใกล้ฐานกำไรปกติของ SET ในช่วง 5 ปีหลัง ที่มักทำได้ประมาณ 80-90 บาท/หุ้น โดยเฉลี่ย สะท้อนว่า นักวิเคราะห์ในตลาดเชื่อว่า การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 เป็นปัจจัยชั่วคราวและมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยในปีนี้เท่านั้น

   แน่นอนว่า ราคาเหมาะสมของหุ้นในดัชนี SET100 ส่วนใหญ่ถูกปรับลดลง โดยมีหุ้นเพียงแค่ 3 บริษัทเท่านั้นที่ได้รับการปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเกิน 5% ในช่วง 1 เดือนที่ผาน่มา ได้แก่ TQM, CBG, STA ทั้ง 3 บริษัทมาจากกลุ่มอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ กำไรสุทธิ 1Q63 เติบโตอย่างโดดเด่น

   สำหรับหุ้นหลักที่ถูกปรับลดราคาเหมาะสมลงโดย Bloomberg Consensus ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มาจากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มท่องเที่ยว (MINT) ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรง, โรงพยาบาล (BH) เนื่องจากผู้ป่วยต่างชาติเดินทางเข้ามารักษายากขึ้น, กลุ่มสื่อสาร (ADVANC/ INTUCH) รายงานกำไร Q1/63 ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย รวมถึง กลุ่มธนาคาร (TISCO/ BBL/ KKP) เป็นต้น

SET จากนี้เริ่มลดความร้อนแรง

    การที่ SET INDEX ปรับตัวขึ้นมาถึง 38% นับจากจุดต่ำสุดที่ 969.08 จุดเมื่อวันที่ 13 มี.ค.2563 ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือนกว่า ถือว่า ฟื้นตัวค่อนข้างมากและรวดเร็ว เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นหลักในหลายประเทศ เพราะฉะนั้น การขยับขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทยจากนี้ไป จะไม่รวดเร็วและร้อนแรงเหมือนกับช่วงที่ผ่านมา

   หากอิง EPS เฉลี่ยของ SET ระหว่างปีนี้และปีหน้า ที่ราว 76.3 บาท/หุ้น คำนวณเป็น Forward P/E Ratio ได้ 17.5 เท่า ใกล้เคียงกับ 10-year P/E Band+2SD บ่งชี้ว่า ตลาดหุ้นไทยสะท้อนความคาดหวังต่อการฟื้นตัวในอนาคตพอสมควรแล้ว

   ความผันผวนจะสูงขึ้นจากแรงขายทำกำไร ขณะที่กระแสเงินทุนจะมีการสลับหมุนเปลี่ยนกลุ่ม (Sector Rotation) ระหว่างทาง แต่หากจะมีกลุ่มที่เป็นผู้นำตลาด เรามองว่า น่าจะเป็นกลุ่มการเงิน-ลีสซิ่ง และโรงไฟฟ้า เพราะได้รับผลกระทบจำกัดจากโรค COVID-19 และได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยต่ำ ส่วนกลุ่มที่จะเป็นตัวแปรกำหนดทิศทางตลาดโดยภาพรวมทั้งขึ้นและลง คือ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งมีน้ำหนักค่อนข้างมากต่อ Market Cap ของตลาดโดยรวม หุ้นกลุ่มนี้จะเคลื่อนไหวไปตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์และภาวะเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก

Let's block ads! (Why?)



"อ่อนแอ" - Google News
May 28, 2020 at 09:48AM
https://ift.tt/3dm9ksJ

โบรกฯ มองงบบจ. Q2 ยังอ่อนแอ-SET เริ่มชะลอความแรง แนะเล่น 4 หุ้นเด่น - efinanceThai
"อ่อนแอ" - Google News
https://ift.tt/2WKVtGb
Home To Blog


Bagikan Berita Ini

0 Response to "โบรกฯ มองงบบจ. Q2 ยังอ่อนแอ-SET เริ่มชะลอความแรง แนะเล่น 4 หุ้นเด่น - efinanceThai"

Post a Comment

Powered by Blogger.